Aa
กษัตริย์แห่งอาราดพ่ายแพ้
1เมื่อกษัตริย์แห่งอาราดชาวคานาอันผู้อาศัยอยู่ในเนเกบได้ยินข่าวว่าอิสราเอลเคลื่อนเข้ามาตามเส้นทางสู่อาธาริม เขาก็มาโจมตีอิสราเอลและจับบางคนไปเป็นเชลย
2อิสราเอลจึงถวายปฏิญาณต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “หากพระองค์ทรงช่วยให้พวกเรารบชนะคนเหล่านี้ พวกเราจะทำลายล้าง21:2 คำนี้ในภาษาฮีบรูหมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วไม่อาจเรียกคืนได้ มักจะต้องทำลายให้หมดสิ้นไป เช่นเดียวกับข้อ 3เมืองต่างๆ ของพวกเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง”
3องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังคำทูลขอของอิสราเอล และทรงมอบชาวคานาอันไว้ในมือของพวกเขา พวกเขาทำลายล้างคนเหล่านั้นกับเมืองต่างๆ จนหมดสิ้น ที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า โฮรมาห์21:3 แปลว่า พินาศย่อยยับ
งูทองสัมฤทธิ์
4พวกเขาเดินทางจากภูเขาโฮร์ไปตามทางที่จะไปทะเลแดงเพื่ออ้อมดินแดนเอโดม แต่ประชากรยิ่งรู้สึกท้อแท้มากขึ้น
5พากันบ่นว่าพระเจ้าและโมเสสว่า “ทำไมท่านถึงได้พาเราออกจากอียิปต์มาตายในถิ่นกันดารนี้? ไม่มีขนมปัง! ไม่มีน้ำ! เราเกลียดมานาที่แสนจะน่าเบื่อ!”
6แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงส่งงูพิษมาในหมู่พวกเขา ชนอิสราเอลหลายคนถูกงูกัดตาย
7ประชากรจึงมาหาโมเสสและร้องว่า “พวกข้าพเจ้าได้ทำบาปที่บ่นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ากับบ่นว่าท่าน โปรดอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าให้นำงูออกไปเถิด” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเผื่อประชากร
8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูตัวหนึ่งติดไว้ที่ยอดเสา ผู้ใดถูกงูกัด จงมองดูงูนั้นแล้วจะรอดชีวิต”
9โมเสสจึงทำงูจากทองสัมฤทธิ์ติดไว้ที่ยอดเสา และเมื่อผู้ที่ถูกงูกัดมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็มีชีวิตอยู่
เดินทางไปโมอับ
10ชนอิสราเอลออกเดินทางมาตั้งค่ายอยู่ที่โอโบท
11แล้วเดินทางต่อมายังอิเยอาบาริมในถิ่นกันดารตรงข้ามโมอับด้านตะวันออก
12พวกเขาเดินทางต่อจากที่นั่น และมาตั้งค่ายพักที่หุบเขาเศเรด
13แล้วเคลื่อนมาตั้งค่ายที่ริมแม่น้ำอารโนนในถิ่นกันดาร ซึ่งต่อเข้าไปในเขตแดนของชาวอาโมไรต์ แม่น้ำอารโนนเป็นเส้นพรมแดนระหว่างโมอับกับอาโมไรต์
14ด้วยเหตุนี้ในหนังสือสงครามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงระบุว่า
“…วาเฮบในเมืองสุฟาห์21:14 ในภาษาฮีบรูวลีนี้มีความหมายไม่ชัดเจนและลำห้วย
อารโนน
15และลาดเขาของลำห้วย
ซึ่งนำไปสู่ที่ตั้งของเมืองอาร์
เลียบไปตามเขตแดนของโมอับ”
16จากที่นั่นอิสราเอลเดินทางต่อมายังเบเออร์ซึ่งเป็นบ่อน้ำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงเรียกชุมนุมประชากร เราจะให้น้ำแก่พวกเขา”
17อิสราเอลจึงขับร้องเพลงนี้ว่า
“บ่อน้ำเอ๋ย จงให้น้ำพุ่งขึ้นมาเถิด
ให้เราขับขานลำนำน้ำ
18บ่อซึ่งบรรดาผู้นำได้ขุดขึ้น
ฝีมือเจาะของเหล่าเจ้านาย
ด้วยคทาและไม้เท้าของท่านเหล่านั้น”
แล้วพวกเขาก็ออกจากถิ่นกันดารเดินทางไปมัทธานาห์
19ผ่านมัทธานาห์ นาหะลีเอลและบาโมท
20จนมาถึงหุบเขาในโมอับ มียอดเขาปิสกาห์ซึ่งมองลงมาเห็นถิ่นกันดาร
พิชิตกษัตริย์สิโหนและโอก
21อิสราเอลส่งทูตเข้าพบกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์เพื่อแจ้งว่า
22“โปรดอนุญาตให้เราผ่านแดน เราจะไม่ออกนอกทางหลวงจนกว่าจะผ่านดินแดนของท่านไปแล้ว จะไม่รุกล้ำที่นาหรือสวนองุ่นของท่าน จะไม่ดื่มน้ำจากบ่อของท่าน”
23แต่สิโหนไม่ยอมให้อิสราเอลผ่านแดน ทั้งยังยกทัพทั้งหมดมาสู้กับอิสราเอลในถิ่นกันดารโดยรบกันที่ยาฮาส
24อิสราเอลจึงสังหารสิโหนและครอบครองดินแดนของเขา ตั้งแต่แม่น้ำอารโนนจดแม่น้ำยับบอก ไปประชิดพรมแดนของพวกอัมโมน เนื่องจากชายแดนของพวกเขามีแนวป้องกันเข้มแข็ง
25อิสราเอลได้ยึดครองเมืองทั้งหมดของชาวอาโมไรต์ รวมทั้งเฮชโบนและถิ่นที่อาศัยโดยรอบ
26เฮชโบนเป็นนครของสิโหนกษัตริย์ของชาวอาโมไรต์ ซึ่งได้รบกับกษัตริย์ของชนโมอับคนก่อน และยึดครองดินแดนทั้งหมดของเขามาจนจดแม่น้ำอารโนน
27ด้วยเหตุนี้เหล่ากวีจึงขับขานว่า
“เชิญมาเฮชโบน และสร้างมันขึ้นใหม่
มากู้นครของสิโหนเถิด

28“ไฟออกมาจากเฮชโบน
เปลวไฟกล้าจากนครแห่งสิโหน
เผาผลาญเมืองอาร์แห่งโมอับ
พลเมืองของที่สูงแห่งอารโนน
29วิบัติแก่เจ้า โมอับเอ๋ย!
เจ้าถูกทำลายแล้ว ประชากรของพระเคโมชเอ๋ย!
เคโมชปล่อยให้บรรดาบุตรชายของตนต้องลี้ภัย
และบุตรสาวของตนต้องตกเป็นเชลย
เป็นเชลยของสิโหนกษัตริย์แห่งชาวอาโมไรต์

30“แต่เราได้โค่นล้มพวกเขา
เฮชโบนถูกทำลายจนถึงดีโบน
เราล้มล้างพวกเขาไปไกลถึงโนฟาห์
ซึ่งขยายไปจนจดเมเดบา”
31ดังนั้นอิสราเอลจึงตั้งถิ่นฐานในดินแดนของชาวอาโมไรต์
32หลังจากโมเสสได้ส่งคนไปสำรวจเมืองยาเซอร์ ชนอิสราเอลก็ยึดถิ่นฐานโดยรอบได้ และขับไล่ชาวอาโมไรต์ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นออกไป
33แล้วพวกเขาวกไปตามเส้นทางสู่บาชาน และกษัตริย์โอกแห่งบาชานยกทัพมาเผชิญหน้ากันที่เอเดรอี
34 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราได้มอบเขาและกองทัพทั้งหมดตลอดจนดินแดนของเขาให้เจ้าแล้ว จงพิชิตเขาเหมือนที่ได้พิชิตสิโหนกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ผู้ครองเฮชโบน”
35อิสราเอลก็สังหารโอก บุตรหลาน และกองทัพทั้งหมดของเขา ไม่มีผู้รอดชีวิตแม้สักคนเดียว แล้วอิสราเอลก็เข้าครอบครองดินแดนนั้น