มหาชนกับขนมปัง 7 ก้อนและปลาตัวเล็กเพียงสองสามตัว
1ในครั้งนั้น มีมหาชนที่ชุมนุมกันอีก และไม่มีสิ่งใดรับประทาน พระองค์เรียกบรรดาสาวกมาหาและกล่าวกับพวกเขาว่า
2“เราสงสารบรรดาฝูงชนเพราะพวกเขาอยู่กับเรามาได้ 3 วันแล้วโดยไม่มีอะไรรับประทาน
3ถ้าเราส่งเขากลับบ้านทั้งๆ ที่หิวโหย เขาก็จะเป็นลมระหว่างทาง บางคนก็มาจากที่ไกล”
4บรรดาสาวกตอบพระองค์ว่า “ทำอย่างไรจึงจะหาขนมปังพอที่จะเลี้ยงคนเหล่านี้ในที่กันดารอย่างนี้”
5พระองค์ถามพวกเขาว่า “พวกเจ้ามีขนมปังกี่ก้อน” เขาพูดว่า “7 ก้อน”
6ครั้นแล้วพระเยซูจึงสั่งฝูงชนให้นั่งลงบนพื้นดิน เมื่อพระองค์หยิบขนมปัง 7 ก้อนแล้วก็กล่าวขอบคุณพระเจ้า บิส่งให้เหล่าสาวกของพระองค์เพื่อแจก พวกเขาจึงแจกให้แก่ฝูงชน
7พวกเขายังมีปลาเล็กๆ สองสามตัว พระองค์กล่าวขอบคุณพระเจ้าและให้แจกปลานั้นด้วย
8ผู้คนก็รับประทานกันจนอิ่มหนำ และเก็บอาหารที่เหลือได้เต็ม 7 ตะกร้าใหญ่
9มีคนประมาณ 4,000 คนที่นั่น แล้วพระองค์ก็ให้พวกเขากลับบ้านไป
10จากนั้นพระองค์ก็ลงเรือกับสาวกมาจนถึงเขตเมืองดาลมานูธา
11พวกฟาริสีมาหาพระเยซูและเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ อยากจะให้แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์จากสวรรค์เพื่อทดสอบพระองค์
12พระองค์ถอนใจลึกและกล่าวว่า “ทำไมคนในช่วงกาลเวลานี้แสวงหาปรากฏการณ์อัศจรรย์ เราขอบอกความจริงกับท่านว่า คนเหล่านี้จะไม่ได้รับปรากฏการณ์อัศจรรย์”
13พระองค์จากพวกเขาไปและลงเรือข้ามฟากไปอีก
เชื้อยีสต์ของพวกฟาริสีและเฮโรด
14เหล่าสาวกลืมเอาขนมปังไปด้วยจึงมีติดตัวในเรือเพียงก้อนเดียว
15พระองค์ให้คำสั่งพวกเขาว่า “จงระวังเชื้อยีสต์ของพวกฟาริสีและของเฮโรดให้ดี”8:15 เชื้อยีสต์ ในพระคัมภีร์มักจะหมายถึงสิ่งที่ชั่วร้าย
16พวกเขาเริ่มพูดกันว่า “เป็นเพราะเราไม่มีขนมปัง”
17พระเยซูทราบดีจึงกล่าวกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกเจ้าจึงพูดกันในเรื่องที่ไม่มีขนมปัง เจ้ายังไม่เห็นและเข้าใจอีกหรือ ใจของเจ้าแข็งกระด้างใช่ไหม
18เจ้ามีตา แต่มองไม่เห็นหรือ และเจ้ามีหู แต่ไม่ได้ยินหรือ พวกเจ้าจำไม่ได้หรือว่า
19เมื่อเราบิขนมปัง 5 ก้อนให้คน 5,000 คน เจ้าเก็บอาหารที่เหลือได้เต็มกี่ตะกร้า” พวกเขาพูดกับพระองค์ว่า “12 ตะกร้า”
20“เมื่อเราบิ 7 ก้อนให้คน 4,000 คน เจ้าเก็บอาหารที่เหลือได้เต็มกี่ตะกร้า” พวกเขาพูดกับพระองค์ว่า “7 ตะกร้า”
21พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “แล้วพวกเจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ”
พระเยซูรักษาคนตาบอด
22แล้วพระเยซูกับพวกสาวกก็มายังเมืองเบธไซดา มีคนพาคนตาบอดผู้หนึ่งมาหาพระองค์ และขอร้องให้สัมผัสตัวเขา
23พระองค์จับมือคนตาบอดเดินออกมาจากหมู่บ้าน และบ้วนน้ำลายใส่ตาทั้งสองของเขา วางมือทั้งสองบนตัวเขา แล้วพระองค์ถามว่า “เจ้ามองเห็นอะไรไหม”
24เขาเงยหน้าขึ้นดูแล้วพูดว่า “ข้าพเจ้าเห็นคน เป็นเหมือนต้นไม้เดินอยู่”
25แล้วพระเยซูแตะมือทั้งสองของพระองค์ที่ตาของเขา เขาเพ่งดู แล้วตาก็หายเป็นปกติ และก็เริ่มเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน
26พระองค์ให้เขากลับบ้านไป และกล่าวว่า “อย่าเข้าไปในหมู่บ้านเลย”
บุตรมนุษย์เป็นใคร
27พระเยซูกับสาวกของพระองค์เดินออกไปยังหมู่บ้านแขวงซีซารียาฟีลิปปี และระหว่างทางที่ไปพระองค์ถามสาวกว่า “ผู้คนพูดกันว่าเราเป็นใคร”
28พวกเขาตอบว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา บ้างพูดว่าเป็นเอลียาห์ แต่บางคนก็ว่าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า”
29พระองค์ถามเขาต่อไปว่า “แต่พวกเจ้าพูดว่าเราเป็นใคร” เปโตรตอบว่า “พระองค์เป็นพระคริสต์”
30แล้วพระองค์กำชับพวกเขาไม่ให้บอกใครๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับพระองค์
พระเยซูแจ้งมรณกาลของพระองค์ไว้ล่วงหน้า
31พระเยซูเริ่มสั่งสอนพวกเขาว่าบุตรมนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการ และพวกผู้ใหญ่ บรรดามหาปุโรหิต และอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติจะไม่ยอมรับ และพระองค์จะถูกประหารชีวิต แต่หลังจากนั้น 3 วันก็จะฟื้นคืนชีวิตอีก
32พระองค์กล่าวให้ฟังอย่างชัดเจน และเปโตรก็พูดทัดทานพระองค์เป็นการส่วนตัว
33พระองค์มองดูเหล่าสาวกแล้วก็ห้ามเปโตรว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น เพราะเจ้าไม่คิดในมุมมองของพระเจ้า แต่คิดจากมุมมองของมนุษย์”
34พระเยซูเรียกฝูงชนมาร่วมกับเหล่าสาวกของพระองค์และกล่าวว่า “ถ้าใครปรารถนาที่จะตามเรามา เขาต้องไม่เห็นแก่ตนเอง และแบกไม้กางเขนของเขา และติดตามเราไป
35เพราะใครก็ตามที่ต้องการช่วยชีวิตของตนให้รอดจะสูญเสียชีวิตนั้นไป แต่ใครก็ตามที่ยอมเสียชีวิตของเขาเพื่อเราและเพื่อข่าวประเสริฐก็จะมีชีวิตที่รอดพ้น
36จะมีประโยชน์อันใด หากคนหนึ่งได้ทั้งโลกมาเป็นของตน แต่ต้องเสียชีวิตของเขาไป
37คนหนึ่งสามารถเอาอะไรมาแลกเปลี่ยนกับชีวิตของตนได้
38ใครก็ตามในช่วงกาลเวลาที่ผิดประเวณีและชั่วโฉดนี้ มีความอายเพราะเราและคำพูดของเรา บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะเขาเช่นกัน ในเวลาที่ท่านมาด้วยสง่าราศีของพระบิดาของท่าน พร้อมด้วยบรรดาทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์”
New Thai Version Foundation