Old Testament
- ปฐมกาลปฐมกาล
- อพยพอพยพ
- เลวีนิติเลวีนิติ
- กันดารวิถีกันดารวิถี
- เฉลยธรรมบัญญัติเฉลยธรรมบัญญัติ
- โยชูวาโยชูวา
- ผู้วินิจฉัยผู้วินิจฉัย
- รูธรูธ
- 1 ซามูเอล1 ซามูเอล
- 2 ซามูเอล2 ซามูเอล
- 1 พงศ์กษัตริย์1 พงศ์กษัตริย์
- 2 พงศ์กษัตริย์2 พงศ์กษัตริย์
- 1 พงศาวดาร1 พงศาวดาร
- 2 พงศาวดาร2 พงศาวดาร
- เอสราเอสรา
- เนหะมีย์เนหะมีย์
- เอสเธอร์เอสเธอร์
- โยบโยบ
- สดุดีสดุดี
- สุภาษิตสุภาษิต
- ปัญญาจารย์ปัญญาจารย์
- เพลงซาโลมอนเพลงซาโลมอน
- อิสยาห์อิสยาห์
- เยเรมีย์เยเรมีย์
- เพลงคร่ำครวญเพลงคร่ำครวญ
- เอเสเคียลเอเสเคียล
- ดาเนียลดาเนียล
- โฮเชยาโฮเชยา
- โยเอลโยเอล
- อาโมสอาโมส
- โอบาดีห์โอบาดีห์
- โยนาห์โยนาห์
- มีคาห์มีคาห์
- นาฮูมนาฮูม
- ฮาบากุกฮาบากุก
- เศฟันยาห์เศฟันยาห์
- ฮักกัยฮักกัย
- เศคาริยาห์เศคาริยาห์
- มาลาคีมาลาคี
New Testament
- มัทธิวมัทธิว
- มาระโกมาระโก
- ลูกาลูกา
- ยอห์นยอห์น
- กิจการของอัครทูตกิจการของอัครทูต
- โรมโรม
- 1 โครินธ์1 โครินธ์
- 2 โครินธ์2 โครินธ์
- กาลาเทียกาลาเทีย
- เอเฟซัสเอเฟซัส
- ฟีลิปปีฟีลิปปี
- โคโลสีโคโลสี
- 1 เธสะโลนิกา1 เธสะโลนิกา
- 2 เธสะโลนิกา2 เธสะโลนิกา
- 1 ทิโมธี1 ทิโมธี
- 2 ทิโมธี2 ทิโมธี
- ทิตัสทิตัส
- ฟีเลโมนฟีเลโมน
- ฮีบรูฮีบรู
- ยากอบยากอบ
- 1 เปโตร1 เปโตร
- 2 เปโตร2 เปโตร
- 1 ยอห์น1 ยอห์น
- 2 ยอห์น2 ยอห์น
- 3 ยอห์น3 ยอห์น
- ยูดายูดา
- วิวรณ์วิวรณ์
Bible Versions
Settings
Show Verse Number
Show Title
Show Footnotes
Verse List View
อุปมาเรื่องผู้เช่าสวนองุ่น
1พระองค์กล่าวกับพวกเขาเป็นอุปมาว่า “ชายคนหนึ่งปลูกสวนองุ่นไว้ ซึ่งมีกำแพงที่สร้างล้อมไว้โดยรอบ แล้วก็ขุดบ่อสำหรับเครื่องสกัดเหล้าองุ่น เขาสร้างหอคอยไว้และให้พวกชาวสวนเช่า แล้วก็เดินทางไปต่างประเทศ
2เมื่อถึงเวลาเก็บผล เขาใช้คนรับใช้คนหนึ่งไปหาพวกคนเช่าสวน เพื่อรับส่วนปันผลจากคนเช่าสวนบ้าง
3พวกคนเช่าสวนจับตัวเขาไว้ ทุบตี แล้วก็ไล่เขากลับไปมือเปล่า
4ชายเจ้าของสวนจึงส่งคนรับใช้อีกคนไป พวกเขาก็ทำร้ายที่ศีรษะและลบหลู่เขา
5เขาใช้อีกคนไปซึ่งพวกเขาก็ฆ่าเสีย คนอื่นๆ อีกจำนวนมากก็เช่นกัน บ้างก็ถูกเฆี่ยน บ้างก็ถูกฆ่า
6ชายเจ้าของสวนมีเหลืออีกคนที่จะส่งไปคือลูกชายที่รัก เขาส่งไปหาเป็นคนสุดท้ายโดยคิดว่า ‘พวกเขาจะนับถือลูกของเราคนนั้น’
7แต่พวกคนเช่าสวนพูดกันว่า ‘คนนี้เป็นทายาท มาช่วยกันฆ่าเขาเถิด แล้วมรดกจะได้ตกเป็นของพวกเรา’
8เขาทั้งหลายจึงจับตัวลูกคนนั้นฆ่าเสีย แล้วโยนตัวออกไปจากสวนองุ่น
9เจ้าของสวนองุ่นจะทำอย่างไร เขาจะมาฆ่าพวกคนเช่าสวน และยกสวนองุ่นให้แก่คนอื่นๆ ไป
10พวกท่านไม่เคยอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้หรือว่า
‘ศิลาที่พวกช่างก่อสร้างทิ้ง
ได้กลายเป็นศิลามุมเอก
11พระผู้เป็นเจ้าได้กระทำการนี้
และเป็นสิ่งวิเศษยิ่งในสายตาของเรา’”12:11 สดุดี 118:22,23
12แล้วพวกเขาก็พยายามที่จะจับกุมพระเยซู แต่ยังกลัวฝูงชนเพราะเขาทราบว่า พระองค์กล่าวเป็นอุปมาเพื่อกระทบพวกเขาเอง เขาจึงเดินจากพระองค์ไป
คำถามเรื่องการเสียภาษี
13ครั้นแล้วพวกเขาจึงให้บรรดาฟาริสีและบางคนในพรรคของเฮโรดไปหาพระเยซู เพื่อจะจับผิดในสิ่งที่พระองค์กล่าว
14พวกเขาจึงมาพูดกับพระองค์ว่า “อาจารย์ พวกเราทราบว่า ท่านพูดความจริงและไม่เขวไปตามมนุษย์ เพราะท่านไม่เอาใจผู้ใด แต่สั่งสอนในวิถีทางของพระเจ้าตามความจริง ถูกต้องตามกฎหรือไม่ในการเสียภาษีให้แก่ซีซาร์
15พวกเราควรจ่ายหรือไม่” แต่พระเยซูทราบว่าพวกเขาเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก พระองค์กล่าวว่า “ทำไมจึงทดสอบเรา เอาเงินเหรียญเดนาริอันมาให้เราดูสิ”
16แล้วพวกเขาก็เอามาให้ พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร” เขาทั้งหลายตอบว่า “ของซีซาร์”
17พระเยซูกล่าวว่า “สิ่งที่เป็นของซีซาร์ก็จงให้แก่ซีซาร์ และสิ่งที่เป็นของพระเจ้าก็จงให้แด่พระเจ้า” แล้วพวกเขาก็อัศจรรย์ใจในพระองค์
ความสงสัยเรื่องวันที่ฟื้นคืนชีวิต
18พวกสะดูสี12:18 สะดูสี เป็นกลุ่มผู้นำศาสนาของชาวยิว สมาชิกส่วนใหญ่เป็นปุโรหิตซึ่งมั่งมี เป็นพวกที่ไม่ยอมเชื่อสิ่งอัศจรรย์ (ซึ่งเชื่อว่าไม่มีการฟื้นคืนชีวิตจากความตาย) ได้มาหาพระองค์และถามว่า
19“อาจารย์ ตามที่โมเสสได้เขียนไว้ให้พวกเราว่า ถ้าชายใดตายไป แต่ภรรยายังอยู่โดยที่ไม่มีบุตรด้วยกัน น้องชายของคนตายควรรับหญิงม่ายไว้ เพื่อมีบุตรสืบตระกูลให้พี่ชายของเขา
20มีพี่น้องที่เป็นชายอยู่ 7 คน คนแรกมีภรรยาและตายโดยไม่มีบุตร
21คนที่สองสมรสกับนางแล้วก็ตายโดยไม่มีบุตรด้วย คนที่สามก็เช่นกัน
22ดังนั้นทั้ง 7 คนก็ไม่ได้มีบุตรสืบตระกูลเลย ในที่สุดหญิงคนนั้นก็ตายไปด้วย
23ในวันที่ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย เมื่อเขาเหล่านั้นฟื้นคืนชีวิต แล้วนางจะเป็นภรรยาของใคร ในเมื่อทั้ง 7 คนได้นางเป็นภรรยา”
24พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “เหตุที่พวกท่านผิด ก็เป็นเพราะว่าท่านไม่รู้พระคัมภีร์และอานุภาพของพระเจ้าใช่ไหม
25ด้วยว่าเมื่อผู้คนฟื้นคืนชีวิตจากความตาย พวกเขาจะไม่มีการสมรสหรือการยกให้เป็นสามีภรรยากัน แต่จะเป็นเหมือนกับพวกทูตสวรรค์ในฟ้าสวรรค์
26แต่เรื่องจริงที่ว่า คนตายฟื้นคืนชีวิตอีก ท่านไม่เคยอ่านในฉบับของโมเสสหรือ ในตอนที่เกี่ยวกับพุ่มไม้ที่ลุกเป็นไฟ พระเจ้ากล่าวกับเขาว่า ‘เราเป็นพระเจ้าของอับราฮัม12:26 อับราฮัม เป็นบิดาต้นตระกูลของชนชาติยิว พระเจ้าของอิสอัค และพระเจ้าของยาโคบ’12:26 อพยพ 3:6
27พระองค์ไม่ใช่พระเจ้าของคนตาย แต่เป็นพระเจ้าของคนเป็น พวกท่านเข้าใจผิดเป็นอย่างมากทีเดียว”
พระบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่ที่สุด
28คนหนึ่งในพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติมาและได้ยินการโต้เถียงกัน และทราบว่าพระเยซูได้ตอบพวกเขาได้ดีจึงถามพระองค์ว่า “พระบัญญัติข้อใดสำคัญที่สุด”
29พระเยซูกล่าวว่า “ข้อที่สำคัญที่สุดคือ ‘จงฟังเถิด อิสราเอลเอ๋ย พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราเป็นพระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
30และจงรักพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านอย่างสุดดวงใจ สุดดวงจิต สุดความคิด และสุดกำลังของท่าน’12:30 เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4,5
31ข้อที่สองคือ ‘จงรักเพื่อนบ้านของเจ้าให้เหมือนรักตนเอง’12:31 เลวีนิติ 19:18 ไม่มีพระบัญญัติข้ออื่นใดที่ยิ่งใหญ่กว่า 2 ข้อนี้”
32อาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติพูดกับพระองค์ว่า “ถูกต้องแล้ว อาจารย์ ท่านได้กล่าวโดยแท้จริงว่ามีเพียงพระเจ้าผู้เดียว และนอกจากพระองค์แล้วไม่มีผู้ใดอีก
33และการที่รักพระองค์อย่างสุดดวงใจ สุดความคิด และสุดกำลัง และจงรักเพื่อนบ้านของท่านให้เหมือนรักตนเอง สำคัญยิ่งกว่าสัตว์ที่เผาเป็นของถวายและเครื่องสักการะทั้งปวง”
34เมื่อพระเยซูเห็นว่าเขาได้ตอบด้วยการไตร่ตรองจากสติปัญญา พระองค์จึงกล่าวกับเขาว่า “ท่านอยู่ใกล้อาณาจักรของพระเจ้าแล้ว” หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าซักถามสิ่งใดกับพระองค์อีก
คำถามเรื่องบุตรของดาวิด
35ขณะที่พระเยซูสั่งสอนในบริเวณพระวิหาร พระองค์กล่าวว่า “พวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติพูดได้อย่างไรว่า พระคริสต์เป็นบุตรของดาวิด
36พระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจให้ดาวิดเองพูดว่า
‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับพระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าว่า
“จงนั่งทางด้านขวาของเรา
จนกว่าเราจะทำให้พวกศัตรูของเจ้า
อยู่ใต้เท้าของเจ้า”’12:36 สดุดี 110:1
37ดาวิดเองเรียกพระองค์ว่า ‘พระผู้เป็นเจ้า’ ฉะนั้นพระองค์เป็นบุตรของดาวิดได้อย่างไร” แล้วมหาชนก็ฟังพระองค์ด้วยความยินดี
38พระองค์สั่งสอนว่า “จงระวังพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติที่ชอบสวมเสื้อคลุมเดินไปมา ชอบให้คนแสดงความเคารพในย่านตลาด
39มักเลือกที่นั่งสำหรับคนสำคัญที่สุดในศาลาที่ประชุม และที่นั่งอันมีเกียรติในงานเลี้ยง
40พวกเขาริบบ้านเรือนของพวกหญิงม่าย และแสร้งอธิษฐานเสียยืดยาวเพื่อให้คนเห็น คนพวกนี้จะถูกกล่าวโทษอย่างหนัก”
หญิงม่ายผู้ยากไร้ถวายเงิน
41ครั้นแล้วพระเยซูก็นั่งลงตรงข้ามกับตู้ถวายเงิน พระองค์สังเกตดูว่าผู้คนถวายเงินในตู้อย่างไร คนมั่งมีหลายคนถวายเงินจำนวนมหาศาล
42หญิงม่ายผู้ยากไร้คนหนึ่งมาถวายเหรียญทองแดง 2 เหรียญซึ่งมีค่าประมาณ 1 สลึง
43พระองค์เรียกเหล่าสาวกของพระองค์มาและกล่าวกับเขาว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า หญิงม่ายผู้ยากไร้คนนี้ถวายเงินมากกว่าคนเหล่านั้นที่มอบให้ในตู้ถวายเงินเสียอีก
44เพราะเขาทุกคนได้ให้จากเงินเหลือใช้ของเขา แต่ถึงแม้ว่านางจะขัดสน นางก็ยังถวายทุกสตางค์ที่เก็บไว้สำหรับเลี้ยงตนเอง”
New Thai Version Foundation